เนิน1408 แห่งภูสวนทราย จ.เลย

12-15 ตุลาคม 2561

บางคนเปรียบเปรยการเดินทางเหมือนสายน้ำ แต่ข้าพเจ้าว่าไม่เหมือน  แต่ก็คล้าย เพราะสายน้ำไหลไปไม่เคยกลับ แต่การเดินทางย่อมหวนกลับคืนถิ่นที่เคยเยือนแล้วเยือนอีกนับครั้งไม่ถ้วนตามใจชื่นชอบของแต่ละคน อีกทั้งสายน้ำจะไหลสัมผัสไปตามซอกมุมของโตรกผาหิน แต่ไม่เคยลึกล้ำลงไปใต้แผ่นหินแผ่นดินแข็งกระด้างเท่าจิตใจของนักนิยมธรรมชาติ

เมืองเลย..ดินแดนแห่งขุนเขาแดนดอยและพงไพร ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักแก่คนไทยแทบทั้งประเทศก็มีภูกระดึง ภูหลวง และภูเรือ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีผืนป่าอีกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและเป็นแนวพรมแดนทางธรรมชาติกั้นอาณาเขตระหว่างไทย-ลาว บนยอดเขามีลักษณะเป็นที่ราบสูงที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 600-1,408 เมตร สภาพภูมิอากาศค่อนข้างเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติที่มีพรรณไม้อยู่หลากหลายและหนาแน่น ในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นจัดจนเกิดน้ำค้างแข็งหรือ“แม่คะนิ้ง”เกาะบนยอดหญ้าเช่นเดียวกับ3ภูที่กล่าวมา แดนดอยแห่งนี้มีนามว่า“ป่านาแห้ว”ที่รอการเดินทางมาค้นหาและพิสูจน์ด้วยสายตาตนเอง

วันแรกของการเดินทาง

20.00  น. ออกเดินทางจากกรุงเทพฯสู่ อ.นาแห้ว จ.เลย

ทางเดินขึ้นสู่ยอดภูสวนทราย

จุดสูงสุดของแดนอีสาน

วันที่สองของการเดินทาง

05.00 น.  แวะซื้อเสบียงอาหารที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย รวมทั้งทำกิจธุระส่วนตัวและทานอาหารเช้า จากนั้นเดินทางสู่อุทยานฯนาแห้ว แวะชมน้ำตกคิ้ง น้ำตกช้างตก และน้ำตกวังตาด ที่ก่อเกิดจากลำน้ำแพร่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นน้ำตกสวยงามดังกล่าว ราวๆ10โมง..ถึงอุทยานฯนาแห้ว เริ่มออกเดินไต่ระดับสู่ภูตีนสวนทรายที่ทอดยาวเหยียดอยู่เบื้องหน้า ภายใต้ความร่มรื่นของป่า ไม่นานนักก็ถึงลานจุดชมวิว มองเห็นที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่เบื้องล่าง โดยมีแนวสันเขาสูงที่มีผืนป่าเขียวครึ้มเป็นฉากหลัง จากนั้นลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่มีไม้ป่านานาพรรณหลายชนิดเริ่มออกดอกชูช่อ รวมทั้งเห็ดหลากสีสันฉูดฉาด ร่วม2ชั่วโมงเศษก็ถึงหิน4ก้อนหรือหิน4ทิศ เป็นหินทรายที่มีขนาดใหญ่พอๆกัน มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกัน วางตัวอยู่4ทิศหรือก้อนละทิศ และมีพืชอิงอาศัยขึ้นปกคลุมอยู่หนาแน่น แวะพักทานอาหารเที่ยง บ่ายๆมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกราว 700 เมตร ก็ถึงก่องเบิก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200-1,300 เมตร มีลักษณะเป็นลานค่อนข้างโล่งกว้างริมหน้าผา สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทางด้านตะวันออกได้กว้างไกลตา ตั้งแค้มป์และพักผ่อนตามอัธยาศัย ราว6โมงเย็นเชิญทานอาหารเย็น จากนั้นจะนอนนับดวงดาวหรือนั่งสนทนาประสาคนรักไพรก็ตามใจสะดวก

น้ำตกตาดเหือง

เทียนดอย (Impatiens violiflora Hook. f.)

วันที่สามของการเดินทาง

06.00 น. ชมตะวันยามเช้าที่ค่อยๆเคลื่อนคล้อยเลื่อนขึ้นมาทีละนิดๆอย่างสวยงามจับใจ

ก่อนสาดแสงส่องกระทบทะเลหมอกขาวโพลนที่ปกคลุมพื้นที่ราบเบื้องล่างเป็นประกายแวววาว หลังอาหารเช้าจึงออกเดินทางสู่เนิน1408 ท่ามกลางเรือนยอดของป่าดิบที่รกครึ้มจนแสงตะวันแทบส่องลงมาไม่ถึงพื้น ตามทางจะพบพืชนานาพรรณ โดยเฉพาะกล้วยไม้ป่าที่ออกดอกส่งกลิ่นหอมกรุ่นจรุงใจ และรอยเท้าสัตว์ป่าที่ย่ำผ่านไปมาเป็นเทือก แวะชม“หินก่วยหล่อ”ที่มีลักษณะเป็นหินทรายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดตูมโผล่ขึ้นมากลางป่าดิบ มีขนาดโตโดยรอบราว 19 เมตร สูงราว 4 เมตร อันเกิดจากธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ประติมากรรม ร่วม2ชั่วโมงเศษก็ทะลุจากป่าดิบสู่ริมผาที่แย้งตากแดด จากนั้นเดินเลาะไหล่ผาอยู่ราวครึ่งชั่วโมงก็พบพื้นที่ราบค่อนข้างยาวริมหน้าผาด้านตะวันออกที่เรียกว่าเนิน1408” และมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,408 เมตร นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่ง ทานอาหารเที่ยงและตั้งแค้มป์ ก่อนพักผ่อนตามสบาย ราว6โมงเย็นเชิญทานอาหารเย็น ก่อนความมืดของราตรีกาลจะคืบคลานเข้ามาปกคลุม จากนั้นเชิญชมดวงจันทร์ส่องแสงนวลตากลางนภา ล้อมรอบด้วยดวงดาวประกายพรึกที่เกลื่อนกลาดอย่างงามตา

แค้มป์บนเนิน1408

หินสี่ทิศ บริเวณนี้มีกล้วยไม้ขึ้นอยู่หลากชนิด

วันที่สี่ของการเดินทาง

06.00 น. ชมตะวันแย้มเหนือขอบฟ้า และสายหมอกที่ไหลลอยละล่องทีละนิดๆเข้ามาปกคลุมหุบเขาและพื้นราบเบื้องล่างจนหนาแน่นดั่งปุยนุ่นสีขาว หลังอาหารเช้าจึงเดินลงเขาตามทางลาดชันสู่น้ำตกตาดเหือง ระหว่างทางจะพบค้อดอยขึ้นอยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมด แต่ละต้นสูงชะลูดชูใบใหญ่เป็นกระจุกกลมล้อไสวตามแรงลม เกือบ11โมงชมน้ำตกตาดเหืองหรือน้ำตกมิตรภาพไทยลาว ซึ่งใช้เป็นเส้นกั้นพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างไทย-ลาว ตัวน้ำตกสูงราว 50 เมตร นับเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมากที่สุดในอุทยานฯแห่งนี้ จากนั้นนั่งรถเดินทางกลับสู่ที่ทำการอุทยานฯเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายและทานอาหารเที่ยง บ่ายๆเดินทางกลับกรุงเทพฯ แวะทานอาหารเย็นตามอัธยาศัยที่เพชรบูรณ์ ราวๆ 4 ทุ่มก็ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ

ทางเดินลงเขาที่เนิน1408

แค้มป์ที่ก่องเบิก

การเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง :

  1. เสื้อผ้าที่เหมาะสม , เสื้อแขนยาวกันหญ้าคาบาดหรือพืชมีพิษ
  2. เสื้อกันฝน , เสื้อกันหนาวและอุปกรณ์กันหนาว
  3. รองเท้าเดินป่า , รองเท้าฟองน้ำ/รัดส้น , ถุงเท้ากันทาก
  4. ไฟฉาย , กระติกน้ำ , หมอนลม , หมวกกันแดด
  5. ยาแก้โรคประจำตัว(ถ้ามี)
  6. จิตใจของนักนิยมธรรมชาติ

 

แบกสัมภาระของตัวเอง
รวมทั้งเต็นท์ และถุงนอน
(ที่เรามีให้)

 แบกสัมภาระเฉพาะของตัวเอง

 มีลูกหาบที่ว่าจ้างให้แบกสัมภาระได้

 ไม่ต้องแบกสัมภาระ

ค่าใช้จ่าย :

ท่านละ 4,500 บาท (สมาชิก 4,100 บาท)

ค่าใช้จ่ายรวม :

รวมค่ารถตู้ปรับอากาศเดินทางไป-กลับ รถกระบะ อาหาร8มื้อ ค่าธรรมเนียม เต็นท์+ถุงนอน2คืน ลูกหาบแบกเสบียงอาหารและน้ำ มัคคุเทศก์ เครื่องดื่ม รวมทั้งค่าประกันอุบัติเหตุทุกที่นั่งๆละ 500,000 บาท

หมายเหตุ

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ ควรออกกำลังกายก่อนการเดินทางล่วงหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยต้องแบกสัมภาระของตัวเอง รวมทั้งเต็นท์และถุงนอนที่ทางเรามีให้

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง :

สนง.ใหญ่ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. โทร.0-2245-4211 , 0-2247-5371-2 , 0-2642-4230-1 ต่อ 20 ; 0-2642-4831 (เบอร์ตรง) โทรสาร.0-2640-0020 e-mail : [email protected]

ท่านสามารถชำระเงินค่าบริการได้ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. หรือสามารถชำระผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรางน้ำ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 010-8-78507-1 ชื่อบัญชี“นายโชติช่วง ศูรางกูร” โดยวางเงินมัดจำท่านละ 1,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระก่อนการเดินทางล่วงหน้า 10 วันด้วยตนเอง

กรณีการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารฯ กรุณาส่งโทรสารใบโอนเงินมายังสโมสรฯที่เบอร์โทรสาร.0-2640-0020 หรือ e-mail : [email protected] พร้อมทั้งแจ้งชื่อ-นามสกุลของผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน หมายเลขสมาชิกฯ(ถ้ามี) และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมตามความเหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า